การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21 มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น
การเข้าใจภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง
โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
นอกจากนั้นเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาระบบการศึกษา
ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบ นอกระบบหรือตามอัธยาศัย
และยังมีความสำคัญต่อเนื่องไปจนถึงอนาคตโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมเข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบการศึกษา
สื่ออิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมที่มีแนวโน้มเข้ามามีบทบาทต่อระบบการศึกษาทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษามีการนำมาใช้เพื่องานต่างๆในสถานศึกษา
ในภารกิจด้านบริหาร ด้านวิชาการและด้านบริการ รวมทั้งยังนำคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่องานพิมพ์เอกสารโดยการนำโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด
(Microsoft Word) มาใช้ในงานพิมพ์ ได้แก่
การพิมพ์จดหมายราชการ เอกสารการสอน รายงานต่างๆ สร้างสรรค์งานพิมพ์ต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์งานกราฟิก
เพื่อผลิตสื่อประสมและใช้เพื่อช่วยในการเรียนการสอน และการใช้โทรศัพท์เพื่อการศึกษาผ่านระบบดาวเทียม
นอกจากนั้นแต่ยังมีสื่อสำเร็จรูปที่สร้างภาพกราฟิกไว้ให้ผู้ใช้เลือกมาใช้ในการสร้างสรรค์งาน
เช่น Photo CD, Clip Art Collection และ Web Art เมื่อเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในยุค Thai land 4.0 จึงทำให้ มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อผลิตคอมพิวเตอร์ช่วยสอนคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาเพื่องานวิชาการ
ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer-Assisted Instruction หรือ CAI) ในการนำเสนอบทเรียนหรือใช้ในการเรียนการสอนแต่บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้พัฒนาให้เป็นสื่อที่สูงกว่า
เรียกว่า “ไฮเปอร์มีเดีย” (Hyper Media) หรือ “มัลติมีเดีย” (Multimedia) ที่เสนอเนื้อหาเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว สีและเสียงได้
ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยทำให้ระบบการศึกษามีความทันสมัย
และทันต่อยุคของเหตุการณ์โลกปัจจุบัน เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว
แต่สิ่งที่ควรคำนึกในการใช้เทคโนโลยีนั้น เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่ถูกก็อาจจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนได้
โดยเฉพาะแนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคตนั้น มองในมุมของผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนมีความเห็นว่า เทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทยจะทำให้ระบบการศึกษาของไทย
ตกต่ำ เพราะมีเด็กจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีไม่เป็น ใช้ในทางที่ผิดๆ
รวมทั้งการที่ให้เด็กอยู่กับเทคโนโลยีเป็นระยะเวลานานๆ นั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ
ตามมา เช่น เด็กขาดความอดทน จากการใช้เทคโนโลยี ที่มีความคล่องตัว สะดวกรวดเร็ว
ทำให้เด็กไม่รู้จักการอดทนรอคอย ทั้งยังทำให้เด็กไม่รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
เช่น ช่วยงานบ้านพ่อแม่ ทบทวนบทเรียน หรือกิจกรรมอื่นๆ
ส่วนในด้านของประโยชน์ของเทคโนโลยีนั้นก็มีอยู่มากโขเลยทีเดียว
เทคโนโลยีเป็นสื่อกลางที่ย่อโลกให้แคบลงสามารถเรียนรู้ทุกอย่างในโลกใบนี้ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
รวมทั้งยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ช่วยพัฒนาประเทศชาติในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมก็ไม่อยู่นิ่ง
มีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อทุ่นแรงในการที่จะต้องจ้างคนงานมาเป็นแรงงาน
เพราะมีเครื่องกลเครื่องจักรต่างๆสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าแรงงานคน
แต่ถ้าพูดถึงแนวโน้มเทคโนโลยีกับการศึกษาในอนาคตของในประเทศไทย ผู้เขียนมองว่าแนวโน้มทิศทางการศึกษาไทยในอนาคตจะลดบทบาทของครูในโรงเรียนลง
แต่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เข้ามาเป็นตัวกลางในการค้นคว้า
แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง จากรายวิชาต่างๆ เพราะในอนาคตเข้าสู่ยุคของโลกไร้พรมแดน สามารถสืบค้นเรียนรู้ได้ตามความถนัด
ความสามารถ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า “เทคโนโลยี” จะย่อโลกที่กว้างขึ้นให้แคบลง เพราะฉะนั้นผู้เขียนคิดว่า
แนวโน้มเทคโนโลยีการศึกษาของไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษามีค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้นในแวดวงการศึกษาไทยคือสามารถเรียนรู้ได้เองที่บ้านโดยมีพ่อแม่เป็นที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ
คาดว่าแนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคตภายภาคหน้า จะเป็นการเรียนการสอนแบบ " HOME SCHOOL" เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในทุกๆด้านของสังคมไทย
อ้างอิงจาก https://pantip.com/topic/34498646
https://www.youtube.com/watch?v=PTZq7FnTq5s
เขียนบทความโดย
ทองสุธิ เกียรติก้องกุล

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น